การเตรียมตัวสำหรับตกงานแบบ “Worst case”

[บทความแต่งขึ้นเมื่อ Jan,2007 โดย Rittichart S.]

Worst case ในที่นี้หมายความว่า ตกงานแบบไม่ได้วางแผน ไม่มีเงินเก็บ มีหนี้ ไม่อยากยืมเงินเพื่อน (เกรงใจ) ไม่อยากรบกวนพ่อแม่ (เสียฟอร์ม) มีหนี้ต้องจ่ายรายเดือน (ผ่อนบ้าน รถ บัตรเครดิต) ฯลฯ

 

อันดับแรกควรจะตั้งสติแล้วลงมือสำรวจทุนของตัวเองที่ยังเหลือโดยใช้สูตร

“ทุน=เงินสด+สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง”

ซึ่งอย่างหลังนี่สามารถจะเอาไปเปลี่ยนเป็นเงินสดได้รวดเร็ว เช่น ทีวี สร้อย แหวน นาฬิกา เป็นต้น หลังจากนั้นให้ประเมินรายจ่ายต่อเดือนที่จำเป็นและไม่จำเป็น ซึ่งอันนี้แต่ละคนไม่เหมือนกัน ที่จำเป็นก็เช่น อาหาร ที่อยู่ สาธาระณูประโภคต่างๆ เช่น น้ำ ไฟฟ้า ที่ไม่จำเป็นก็เช่น พวกที่ต้องผ่อนต่างๆ อันนี้เอาพักไว้ก่อน ลองดูซิว่าไอ้รายจ่ายที่จำเป็นเนี่ย สามารถจะเอาทุนของเรามาจ่ายให้ Cover ได้ทั้งหมดกี่เดือน นั่นก็จะเป็นเป้าหมายที่เราจะต้องหางานใหม่ หรือหารายได้ใหม่ให้ได้ในเวลานั้นๆ

 

เอาละทีนี้กลับมาดูรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ให้ซอยแบ่งกลุ่มออกมาเป็นรายจ่ายที่สามารถเจรจาได้กับเจรจาไม่ได้ ที่เจรจาได้ก็พวกค่าผ่อนงวดต่างๆ งวดบ้าน งวดรถ บัตรเครดิต ผมว่าน่าจะเจรจาได้ทุกที่ (ส่วนตัวเคยเจรจาขอยืดเวลา ขอลดชั่วคราว มาบ้างครับ แต่ไม่ได้เคยทำมาทุกสถาบันหรอกนะ ไม่ได้หนี้ท่วมขนาดน้านนน) สำหรับกลุ่มที่เจรจาไม่ได้ หรือเจรจาลำบากนี่เอาพักไว้ก่อน

 

ถัดมา จำไว้ว่า “ตามหาเจ้าหนี้ อย่าให้เจ้าหนี้ตามหาคุณ” หนี้ต่างๆที่มี ให้ติดต่อเจ้าหนี้ให้หมดทุกราย บอกไปเลยว่าตกงาน กำลังรีบหางานใหม่อยู่ ไม่มีเจตนาจะเบี้ยว แต่อยากจะขอปรึกษาว่ามีหนทางอะไรที่จะบรรเทาตรงนี้ไปได้บ้าง ใช้ความจริงใจเข้าว่าครับ ไอ้ประเภท ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เนี่ยถ้าคุณไม่ล้มบนฟูก หรือยังมีบอดี้การ์ดเต็มบ้านอยู่นี่ อย่าไปทำเลยครับ

 

เอาละเมื่อจัดการกับทุนและรายจ่ายเสร็จแล้ว ขั้นต่อไปก็ต้องจัดการเรื่องแหล่งรายได้ใหม่ มันก็อยู่ที่วิสัยทัศน์และความจำเป็นของแต่ละคนนะครับ อย่างน้อยก็พอจะทราบกันแล้วว่าตัวเองมีเวลาเหลือเท่าไหร่ จนกว่าจะหมดตัว… ข้อควรระวัง อย่าทำให้ตัวเองติด Black list ที่ไหนนะครับ ต่อไปในอนาคตจะลำบาก แต่อย่าไปฟังพวกคนทวงหนี้มันมากนะ พวกนี้เอะอะก็ติด black list ๆๆๆ จริงๆแล้วมันไม่ได้ติดง่ายขนาดนั้นหรอกครับ แต่ละสถาบันก็มีกฎกติกาต่างกันไป โทรถามพนักงานดีที่สุด อย่าไปถามพวกพนักงานทวงหนี้เลย ขอให้โชคดีครับทุกท่าน สุดท้ายนี้ผมมีข้อสรุปดีๆจากประสปการณ์ตกงานแบบ Worst case มาประมาณ 10 เดือนเต็มๆดังนี้

 

1. ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

2. พ่อแม่รักและพร้อมจะเข้าใจคุณเสมอ no matter what

3. เพื่อนแท้และญาติพี่น้องช่วยเราได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

4. ระวังอารมณ์ตัวเองในช่วงนี้ให้ดีๆ เพราะมีแนวโน้มจะเครียดมาก ขนาดหมาเห่ายังหันไปด่าบุพการีมันได้ คิดดู 555

5. ประหยัดเข้าไว้ (จากเคยกินแบล๊คกินเพนนโฟลด์ก็หันมากินเรดกินจาค๊อปครี๊กแทน อะโห….ส์)