วางแผนต้องเห็นภาพ

วันนี้ขณะที่กำลังประชุมกับน้องๆทีม Online Marketing เพื่อถามความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนการตลาดของเว็บไซต์ที่แต่ละคนดูแลอยู่สำหรับไตรมาสนี้ ได้สังเกตุเห็นว่าน้องๆนักการตลาดรุ่นใหม่ๆนี้ไอเดียค่อนข้างเยอะ มีทั้งที่เจ๋งและจอดปะปนกันไป แต่ที่รู้สึกว่าขาดไปและจำำหรับผมในฐานะคนที่จะต้องบริหารและจัดการในองค์รวมก็คือ การวางแผนที่ดี น้องๆเหล่านี้ไอเดียบรรเจิดมาก แต่ทุกอย่างลอยฟุ้งอยู่ในมหาสมุทรแห่งความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน (คำเท่ห์มากมาย) ผมเลยได้โอกาสแนะนำน้องๆเหล่านี้ถึงวิธีการวางแผนที่ดี เพื่อที่จะได้นำไอเดียเจ๋งๆเหล่านั้นมาคัดกรอง และนำไปใช้ให้ตรงประเด็น และเกิดผลจริง.. เลยอยากจะนำคำแนะนำนี้มาบันทึกไว้ด้วยเผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆต่อไป

จริงๆแล้วหลักของการวางแผนมีอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือการทำให้เห็นภาพรวมทั้งหมด ประหนึ่งว่ามองลงมาจากฟากฟ้าเห็นพื้นดินว่าตรงไหนน้ำท่วม ตรงไหนแห้งแล้ง ตรงไหนเพาะปลูกเจริญงอกงามดี เพื่อจะได้จัดทรัพยากรได้ถูกว่าตรงนี้แล้งควรผันน้ำให้ ตรงนั้นน้ำท่วมต้องแก้ไข อะไรก็ว่ากันไป ดังนั้นเวลาที่วางแผนใดๆก็ตาม ผมมักจะทำแผนงานเหล่านั้นใ้ห้อยู่ในรูปแบบของแผนภูมิ หรือรูปภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วพยายามลากโยงความสัมพันธ์ต่อถึงกัน จะว่าไปก็ไม่ต่างจากการทำ Mind Map สักเท่าไหร่ แต่สำหรับการคิดวางแผนในเรื่องการทำ campaign ทางการตลาดนั้น ก็มีแผนภูมิอีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจที่จะทำ ซึ่งผมได้ร่างๆขึ้นมาใช้เองเมื่อสักสิบกว่าปีที่แล้วสมัยยังเป็นวัยเริ่มทำงานยังไฟแรง.. แผนภูมินี้ผมได้ไอเดียมาจากแบบเรียนสมัยมัธยมที่ให้จับคู่กลุ่มคำด้านซ้ายให้ตรงกับกลุ่มคำด้านขวาตามคำสั่ง คุ้นไหมครับ

ไม่รู้ว่าวิธีการนี้จะไปตรงกับทฤษฎีอะไรของใครหรือไม่นะครับ จริงๆแล้วผมเน้นมาบอกเล่าจากประสปการณ์ที่ลองใช้แล้วดีมากกว่า เอาละวิธีการทำแผนภูมิที่ว่านี้ก็ง่ายๆแค่ ลากช่องเป็นเส้นตรงตามแต่ที่อยากจะเชื่อมความสัมพันธ์ จากตัวอย่างที่สอนน้องไปวันนี้เราพูดกันถึงการคิดแผนการตลาดสำหรับเว็บไซต์ ดังนั้นผมจะลากเส้นให้แบ่งได้4ช่อง ช่องแรกเป็น Objective ช่องถัดมาเป็น Website หรือ Product ช่องที่สามใส่เป็น Target ส่วนช่องสุดท้าย ก็ใส่เป็น Marketing Technique เสร็จแล้วก็จะได้ออกมาในรูปแบบนี้

matching table

หลังจากได้ตารางแล้วก็บรรเลงเลยครับพี่น้อง ใส่ข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับงานของเราแยกตามหัวเรื่องที่ว่าไว้ลงไปในตารางเลย โดยเฉพาะในช่องสุดท้าย คิดอะไรได้ให้ใส่ไปให้หมดครับ ไม่ต้องมีข้อจำกัดใดๆทั้งสิ้น เพราะสุดท้ายเราจะมาทำการ match กันอีกที ประเดี๋ยวจะลองใส่ให้ดูเป็นตัวอย่าง

matching table

หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดของเราลงในแผนภูมิแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะลากเ้ส้นเชื่อมความสัมพันธ์แล้วครับ ตรงนี้เทคนิคของใครของมันแล้วละ .. ดูตัวอย่างตามรูปต่อไปนี้

matching table

โดยสรุปแล้วสิ่งที่เราจะได้ก็คือ ผังรวมทั้งหมดว่าถ้าเราจะตอบโจทย์อะไร กับProductตัวไหนให้ตรงกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้แล้วเราควรจะใช้เครื่องมือทางการตลาดใดถึงจะเหมาะสม .. นอกจากนี้ยังสามารถเอาไปต่อยอดได้โดยการเพิ่มช่องไปเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่นช่องถัดมาคุณใส่เป็น Marketing Activity แล้วแตกรายละเอียดย่อยออกมาจาก Marketing Technique อีกทีว่า Offline PR มีอะไรบ้าง Online Advertising มีอะไรบ้าง..

ขอให้สนุกกับการวางแผนครับ!